ฉะนั้นนอกจากคำนึงถึงความชอบและความสดใหม่แล้ว ควรคำนึงถึง “การกินอาหารตามฤดูกาล” ด้วย
– ฤดูร้อน ต้องสรรหาพืชที่ทนต่อความร้อนแห้งแล้งได้อย่าง บวบ มะระ ผักกาดหอม ผักกาดขาว ผักชี ถั่วฝักยาว น้ำเต้า ฟักทอง ถั่วพู ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเทียน
– ฤดูฝน (ช่วงต้น) ควรปลูกผักกาดเขียว กวางตุ้ง ผักบุ้ง พริก มะเขือ ผักกาดหอม บวบ มะระ แตงกวา น้ำเต้า กระเจี้ยบเขียว
– ฤดูฝน (ช่วงปลาย) พืชที่ควรปลูกในช่วงปลายฝนต้นหนาวได้แก่ กะหล่ำปลี ถั่วลันเตา หอมใหญ่ แครอท พริกหยวก มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย
– ฤดูหนาว ต้องปลูก ผักกาดขาว ถั่วพู ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักกาดหอม มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ ตั้งโอ๋ บล็อกโคลี แครอท เป็นต้น
เพิ่มเติม ช่วงเวลาและระยะการเก็บเกี่ยว
1. พริกหวาน จะปลูกกันในช่วง ม.ค. – มิ.ย. และ หลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 70-130 วันก็จะเริ่มเก็บเกี่ยว
2. แตงกวา สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ระยะเวลาการเก็บจะเริ่มหลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 30-35 วัน และหลังจากดอกบานประมาณ 10 -20 วัน
3. พริก ส่วนมากในการปลูกพริกจะเริ่มปลูกกันประมาณ ตุลาคม – กุมภาพันธ์ของปีถัดไป จะเริ่มเก็บผลผลิตได้หลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 65-90 วัน หลังจากนั้นเก็บต่อเนื่องได้อีก 6 เดือน
4. โหระพา สามารถปลูกได้ทั้งปี ส่วนการเก็บเกี่ยวจะเริ่มเก็บเกี่ยวหลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 40-45 วัน หลังจากนั้นยังเก็บได้อีกหลายครั้ง
5. กะหล่ำปลี ส่วนมากปลูกกันในเดือยตุลาคม – มกราคมของปีถัดไป และการเก็บเกี่ยว พันธุ์เบา จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้หลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 50-60 วัน ส่วนพันธุ์หนัก หลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 120 วัน
6. กระเทียม ปลูกกันช่วงตุลาคม – พฤศจิกายน และสามารถเก็บได้หลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 100-120 วัน
7. ผักชี ปลูกช่วงกุมภาพันธ์ – เมษายนในปีถัดไป ส่วนผลผลิตเริ่มเก็บเกี่ยวหลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 40-50 วัน
8. ถั่ว ลันเตา เริ่มปลูกช่วงพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ในปีถัดไป ผลผลิตเก็บเกี่ยวหลังจากหยอดเมล็ดได้ 50-70 วัน และเก็บต่อเนื่องได้อีกอน่างน้อย 40 วัน
ที่มา : เกษตรทูเดย์