ส.ค.-ต.ค.ทุกปีมะละกอจะแพง เพราะเป็นช่วงที่ให้ผลผลิตน้อยตามธรรมชาติ ราคาหน้าสวนเบอร์เอ ปกติ กก.ละ 30-40 บาท แต่ปีนี้แพงที่สุดในรอบ 20 ปี รับซื้อกันที่ 45-50 บาท ราคาขายส่งตลาดไทขยับขึ้นไปถึง กก.ละ 70-80 บาท ด้วยช่วงแล้งขาดน้ำในช่วงออกดอกและติดผล มะละกอที่เหลือรอดลูกเล็ก ผิวหยาบกระด้างเหี่ยวย่น เก็บได้ไม่นาน ตลาดไม่เอา
สำหรับพื้นที่มีปัญหาน้ำน้อยหรือไม่สามารถหาน้ำในฤดูแล้งได้ ธีรยุทธ แนะนำให้เลื่อนเวลาปลูกมาเป็นช่วง ก.ย.-พ.ย. เพื่อให้ออกดอกในช่วงที่ไม่ร้อนเกินไป เพราะมะละกอจะเริ่มออกดอกหลังปลูกประมาณ 2-3 เดือน เก็บผลได้นาน 4-7 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่การดูแลให้ต้นสมบูรณ์แค่ไหน แม้ช่วงนี้ราคามะละกอจะไม่สูงมากนัก แต่เป็นวิธีที่ทำให้เรามีมะละกอออกจากสวนไปทำเงินได้บ้าง
ส่วนการเลี้ยงบำรุงเพื่อเสริมการออกดอกติดผล ธีรยุทธ ใช้วิธีให้ปุ๋ยทางดิน สูตรตัวท้ายสูง ร่วมกับฉีดพ่นปุ๋ยเกล็ดทางใบ สูตรตัวท้ายสูงเช่นกัน เพื่อให้ดอกตัวเมียบานนานขึ้น มีโอกาสติดผลมากขึ้น โดยปลูก 8 เดือน เก็บผลผลิตได้เดือนละ 8 ครั้ง ครั้งละ 300 กก.นาน 8 เดือน แค่นำออกมาขายในช่วง 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค.) ที่ขายได้ กก.ละ 45 บ. เป็นเงิน 324,000 บาท นี่ยังไม่นับอีก 5 เดือน ที่เหลือ ขายได้ กก.ละ 15 บาท เป็นเงินอีก 180,000 บาท
ที่มา : เกษตรนิวส์ ข่าวเกษตร